ค้นพบ 3 วิธีง่ายๆ ในการเริ่มดรอปชิปปิ้งบน Shopify ซึ่งเหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ พร้อมตอบโจทย์เป้าหมายธุรกิจหลากหลายระดับ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ขายมือใหม่หรือธุรกิจที่มีประสบการณ์ การเริ่มดรอปชิปสินค้าบน Shopify เป็นเรื่องง่าย
เครื่องมือและแอปของ Shopify ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์ จัดการสต็อกสินค้า และส่งคำสั่งซื้อให้พันธมิตรได้อย่างสะดวก โดยคุณสามารถมุ่งเน้นการเติบโตของร้านค้าและเพิ่มยอดขายได้เต็มที่ เริ่มต้นดรอปชิปปิ้งบน Shopify ด้วย 3 วิธีง่ายๆ ดังนี้
- เชื่อมต่อร้านค้ากับแอปดรอปชิปอัตโนมัติ
- ร่วมมือโดยตรงกับซัพพลายเออร์ พร้อมจัดการสินค้าผ่าน Shopify
- เพิ่มสินค้าใหม่ในไลน์ผลิตภัณฑ์เดิมของคุณด้วย Shopify Collective
1. วิธีการใช้แอปดรอปชิปบน Shopify
แอปดรอปชิปที่ออกแบบมาสำหรับ Shopify ช่วยเชื่อมต่อร้านค้าของคุณกับเครือข่ายซัพพลายเออร์ เพื่อให้การจัดการคำสั่งซื้อเป็นไปอย่างราบรื่น
คุณสามารถใช้แอปดรอปชิปปิ้งเพื่อค้นหาสินค้า นำเข้าข้อมูลสินค้าเข้าสู่ร้านค้า และส่งข้อมูลคำสั่งซื้อให้ซัพพลายเออร์ดำเนินการบรรจุและจัดส่ง
แอปส่วนใหญ่มาพร้อมฟีเจอร์ติดตามสถานะการจัดส่ง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถพัฒนาการบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรทราบเกี่ยวกับแอปดรอปชิป
- ดาวน์โหลดและเชื่อมต่อแอปดรอปชิปปิ้งเพื่อเริ่มขายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
- นำเข้าสินค้าเข้าสู่ร้านค้าและส่งคำสั่งซื้อถึงซัพพลายเออร์ได้โดยอัตโนมัติ
- เลือกใช้แอปดรอปชิปปิ้งที่มีหลากหลายให้เหมาะกับความต้องการ
- ร่วมงานกับซัพพลายเออร์หลายรายเพื่อขายสินค้าที่หลากหลาย
แอปดรอปชิปปิ้งช่วยให้ผู้ขายเข้าถึงสินค้าจำนวนมาก แม้จะไม่มีความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์อยู่ก่อนก็ตาม
ความสะดวกนี้มาพร้อมข้อดีและข้อท้าทาย เช่น การแข่งขันกับผู้ขายรายอื่นที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน
แอปดรอปชิปปิ้งหลายตัวเชื่อมต่อร้านค้ากับเครือข่ายซัพพลายเออร์ต่างประเทศ เช่น AliExpress ซึ่งช่วยเพิ่มตัวเลือกสินค้าและลดต้นทุน แต่ในขณะเดียวกัน อาจทำให้ระยะเวลาจัดส่งยาวขึ้น ซึ่งส่งผลต่อประสบการณ์ของลูกค้าได้
วิธีการดรอปชิปโดยใช้แอป
ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเริ่มดรอปชิป โดยใช้แอป Shopify
1. สร้างร้านค้า
เริ่มต้นทดลองใช้ฟรีและสร้างร้าน Shopify ทำตามขั้นตอนการตั้งค่าเพื่อกำหนดฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น หน้าแรก หน้าสินค้า และเมนูการนำทาง
หากคุณยังไม่มีชื่อโดเมน สามารถลงทะเบียนโดเมนที่เหมาะกับกลุ่มตลาดและชื่อร้านหรือแบรนด์ของคุณ
2. ปรับแต่งร้านค้าของคุณ
ธีมที่ออกแบบโดยมืออาชีพของ Shopify ช่วยให้คุณเริ่มต้นการออกแบบร้านได้ง่ายๆ เลือกธีมที่ตรงกับรูปแบบที่ต้องการ (ธีมยอดนิยมหลายตัวสามารถใช้ได้ฟรี)
สร้างแบรนด์ร้านของคุณด้วยการเลือกโทนสี ออกแบบโลโก้ ตั้งค่าการชำระเงิน และเพิ่มคอนเทนท์พื้นฐานพร้อมภาพลงในหน้าต่างๆ
ในช่วงนี้ ไม่แนะนำให้ลงทุนกับการออกแบบร้านมากเกินไป เมื่อธุรกิจดรอปชิปปิ้งของคุณเริ่มดำเนินการแล้ว คุณสามารถหาแรงบันดาลใจจากร้านค้าอื่นๆ และเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. ดาวน์โหลดและเชื่อมต่อแอปดรอปชิป
เลือกแอปดรอปชิปที่เชื่อมต่อร้านค้าของคุณกับซัพพลายเออร์ที่มีสินค้าที่คุณต้องการขาย ในการเลือกแอป ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ตำแหน่งที่ตั้งของซัพพลายเออร์ ช่วงของสินค้าที่มีให้เลือก และความคิดเห็นจากผู้ที่ทำดรอปชิปปิ้งรายอื่น
ซัพพลายเออร์จะรับผิดชอบการจัดการสต็อกสินค้า การประมวลผลคำสั่งซื้อ และการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า ดังนั้น การเลือกแอปจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและพิจารณาทดสอบตัวอย่างสินค้าเพื่อความมั่นใจในคุณภาพก่อนตัดสินใจเลือกแอป
เมื่อเลือกแอปแล้ว ดาวน์โหลดและเชื่อมต่อกับร้านค้าของคุณทันที
4. ปรับแต่งหน้าสินค้า
เมื่อคุณนำเข้าสินค้าจากแอปดรอปชิปปิ้ง ร้านค้าของคุณจะกรอกข้อมูลสินค้าพร้อมภาพสินค้าโดยอัตโนมัติ
อย่าพึ่งพาคำอธิบายและภาพสินค้าตามที่ซัพพลายเออร์ให้มา ปรับแก้ข้อมูลสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยเนื้อหาที่เป็นต้นฉบับและช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า
เครื่องมือ AI ที่มีใน Shopify สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับหน้าสินค้า ปรับปรุงคำอธิบายสินค้าให้เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหา และทำให้ภาพสินค้าดูดีขึ้นผ่านการปรับแต่งโดย AI
คลิกที่ไอคอนดาวเมื่อมันปรากฏในเครื่องมือสร้างร้านค้าเพื่อใช้ AI ที่ขับเคลื่อนด้วย Shopify Magic
เมื่อปรับปรุงหน้าสินค้า อย่าลืมตั้งราคาสินค้าให้มีความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังคงให้ได้กำไรจากการขายแต่ละชิ้น
แอปดรอปชิปที่แนะนำ
ลองใช้แอปยอดนิยมเหล่านี้ เพื่อเชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์ดรอปชิป
DSers
ผู้ดรอปชิปใช้ DSers เพื่อค้นหาและขายสินค้าจากตลาดทั่วโลก AliExpress ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ เช่น Supplier Optimizer ช่วยระบุซัพพลายเออร์หลายรายสำหรับสินค้าชนิดเดียวกัน เพื่อรักษาระดับสต็อกให้คงที่ หากซัพพลายเออร์รายใดเกิดปัญหา
Spocket
ลองใช้ Spocket ในการหาสินค้าจากซัพพลายเออร์ในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และทั่วโลก แอปนี้มีสินค้าหลากหลายและเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ AliExpress และ Alibaba โดย Spocket ยังอนุญาตให้คุณสั่งตัวอย่างสินค้าตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะนำมาลิสต์ในร้าน
Modalyst
Modalyst Modalyst ให้การเข้าถึงผู้ผลิตอิสระและแบรนด์ระดับไฮเอนด์ เช่น Calvin Klein และ Dolce & Gabbana โดยมีซัพพลายเออร์จากจีน, ยุโรป, อินเดีย และสหรัฐอเมริกา
AutoDS
AutoDS AutoDS เป็นโซลูชันดรอปชิปปิ้งแบบครบวงจรสำหรับการเลือกสินค้า, การจัดส่งให้ลูกค้า, และการจัดการการคืนสินค้า มันใช้ AI ในการช่วยวิเคราะห์แนวโน้มตลาดล่าสุดและหาสินค้ายอดนิยม
Zendrop
Zendrop Zendrop ช่วยเสริมประสบการณ์การเปิดกล่องของลูกค้า ด้วยตัวเลือกการบรรจุภัณฑ์แบบกำหนดเองและการ์ดขอบคุณส่วนตัว ฟีเจอร์การจัดกลุ่มสินค้าช่วยให้คุณสร้างลิสต์สินค้าเฉพาะตัวโดยการรวมสินค้าหลายๆ รายการ
2. วิธีดรอปชิปโดยตรงจากซัพพลายเออร์
การร่วมมือกับซัพพลายเออร์โดยตรงสามารถให้การควบคุมที่มากกว่าการใช้แอปดรอปชิปปิ้ง วิธีการดรอปชิปปิ้งนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์และใช้ Shopify ในการแสดงผลและขายสินค้า
ซัพพลายเออร์ดรอปชิปแต่ละรายมีขั้นตอนการดำเนินการที่แตกต่างกัน บางรายมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ผู้ทำดรอปชิปปิ้งสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์จากแคตตาล็อกได้ ส่วนบางรายอาจทำการเจรจาข้อตกลงพิเศษกับพันธมิตรค้าปลีกแต่ละเจ้า
ข้อควรทราบเกี่ยวกับการร่วมมือกับซัพพลายเออร์
- สร้างความสัมพันธ์เพื่อสร้างโอกาสในการปรับแต่งสินค้า
- เจรจาราคาและข้อตกลงการจัดส่งที่เหมาะสม
- เป็นพันธมิตรเอ็กซ์คลูซีฟของซัพพลายเออร์
เมื่อร้านค้าของคุณเริ่มได้รับการยอมรับในกลุ่มตลาดดรอปชิปปิ้ง ซัพพลายเออร์อาจติดต่อเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งสามารถนำไปสู่การได้รับการดูแลเป็นพิเศษและโอกาสในการเจรจาต่อรอง
ในขณะเดียวกัน การร่วมมือกับซัพพลายเออร์โดยตรงต้องการการประสานงานด้วยมือมากขึ้น คุณอาจเจอปัญหาด้านโลจิสติกส์ที่ซับซ้อนเมื่อส่งคำสั่งซื้อ และอาจต้องหาซัพพลายเออร์สำรองเมื่อซัพพลายเออร์รายใดหมดสต็อก
วิธีหาซัพพลายเออร์ดรอปชิปปิ้ง
เมื่อคุณทำการค้นหาซัพพลายเออร์ในตลาดของคุณ ควรกำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ โดยที่ความเร็วในการจัดส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า คุณอาจจะเลือกทำงานกับซัพพลายเออร์ในประเทศหรือใกล้กับลูกค้าเพื่อให้การจัดส่งรวดเร็วขึ้น
พยายามเลือกซัพพลายเออร์ที่เก็บสินค้ารวมถึงในพื้นที่ใกล้เคียงกับลูกค้าของคุณเพื่อให้การจัดส่งรวดเร็ว หากคุณมีหลายซัพพลายเออร์ ให้ใช้ระบบอัตโนมัติในการส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์ที่ใกล้ที่สุดที่มีสินค้าอยู่ในสต็อก
การเลือกซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสินค้าคงคลังของซัพพลายเออร์จะจำกัดจำนวนสินค้าที่คุณสามารถดรอปชิปได้ ควรใช้เวลาในการค้นหาพันธมิตรที่เชื่อถือได้ โดยการอ่านรีวิวจากผู้ขายรายอื่นและให้ความสำคัญกับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความพร้อมของสินค้า โดยคุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ตามนี้
- ค้นหาซัพพลายเออร์ดรอปชิปเสื้อผ้าผ่านเว็บไซต์และแอป
- รับคำแนะนำและรายชื่อซัพพลายเออร์ในการเริ่มดรอปชิปเครื่องประดับ
- หาแนวทางและซัพพลายเออร์ที่แนะนำสำหรับดรอปชิปหนังสือ
- ค้นหาซัพพลายเออร์กาแฟดรอปชิป ทั้งแบบขายส่งและแบรนด์ส่วนตัว
เมื่อร้านค้าของคุณขยายและมีออเดอร์มากขึ้น คุณสามารถเชิญซัพพลายเออร์มาประมูลราคาและเพิ่มกำไรได้
ซัพพลายเออร์ดรอปชิปพิมพ์ตามสั่งและแบรนด์ส่วนตัว
หนึ่งในความท้าทายของดรอปชิปปิ้งแบบดั้งเดิมคือการที่ร้านอื่นอาจขายสินค้าชิ้นเดียวกัน ทำให้คุณต้องลดราคาเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
การดรอปชิปปิ้งแบบพิมพ์ตามสั่งและแบรนด์ส่วนตัว ช่วยให้คุณสร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์และแบรนด์ของตัวเอง เช่น เสื้อยืด กระเป๋าผ้า สิ่งของในบ้าน และอื่นๆ
วิธีนี้ช่วยให้ร้านค้าของคุณหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาตรงๆ ในขณะเดียวกันก็ยังคงได้ประโยชน์จากการดรอปชิปปิ้งที่ไม่ต้องมีสต็อกสินค้า
แอปพิมพ์ตามสั่ง
หากการพิมพ์ตามคำสั่งน่าสนใจ ลองดูบริษัทพิมพ์ตามคำสั่งเหล่านี้จาก Shopify App Store
- Printify: ใช้เครื่องมือสร้าง mockup เพื่อสร้างสินค้ากับผู้ให้บริการทั่วโล
- Printful: แคตตาล็อกสินค้ารวมถึงสินค้าสำหรับบ้าน สวน และกีฬา
- Gooten: มีผู้ผลิตมากกว่า 50 แห่งในกว่า 70 พื้นที่
3. วิธีการดรอปชิปด้วย Shopify Collective
ผู้ค้าของ Shopify ที่ต้องการขยายช่วงสินค้าสามารถใช้ Shopify Collective เพื่อขายร่วมกับแบรนด์ Shopify อื่นๆ โดยผ่าน Collective คุณสามารถลิสต์และขายสินค้าจากร้าน Shopify อื่นๆ ขณะที่ร้านของพันธมิตรจะจัดการการส่งคำสั่งซื้อให้คุณ
ข้อควรทราบเกี่ยวกับ Shopify Collective
- เพิ่มมูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ย โดยการลิสต์สินค้าที่เสริมกับสินค้าของคุณในร้าน
- ดึงดูดลูกค้าใหม่ ด้วยการขยายไปยังหมวดสินค้าที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องซื้อสต็อก
- ขยายแคตตาล็อกสินค้าของคุณโดยไม่มีต้นทุนหรือความเสี่ยงจากสต็อกสินค้า
- ค้นหาและเชื่อมต่อกับแบรนด์ใหม่ๆ ได้ภายใน Shopify
หากคุณรวมการดรอปชิปปิ้งกับโมเดลค้าปลีกแบบดั้งเดิม คุณสามารถใช้ Collective เพื่อเป็นซัพพลายเออร์และขายสินค้าของคุณผ่านร้าน Shopify ในสหรัฐอเมริกาที่มีแนวคิดเดียวกัน
การใช้ Shopify Collective
พ่อค้าแม่ค้าที่มีสิทธิ์สามารถดาวน์โหลดแอป Shopify Collective และเริ่มสร้างการเชื่อมต่อจาก Shopify admin ได้ ค้นหาผลิตภัณฑ์ของซัพพลายเออร์เพื่อค้นหาพันธมิตรใหม่ๆ หรือเชิญพันธมิตรที่มีอยู่แล้วให้เชื่อมต่อกับคุณบนแพลตฟอร์มนี้
เมื่อเชื่อมต่อแล้ว ซัพพลายเออร์จะให้รายการราคาสินค้าเพื่อให้คุณตรวจสอบ สินค้าที่เลือกจะถูกนำเข้ามาในร้านของคุณโดยตรง พร้อมข้อมูลรายละเอียดสินค้าและข้อมูลสต็อก
ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าจากร้านของคุณได้ในตะกร้าสินค้าเดียวที่รองรับการชำระเงินผ่าน Shopify Payments ซึ่งให้ประสบการณ์การชำระเงินที่รวดเร็วและมีเอกลักษณ์
หลังจากคำสั่งซื้อถูกส่งไปยังร้านพันธมิตร Shopify Collective จะทำการกระจายการชำระเงินไปยังแต่ละร้านเมื่อมีการจัดส่งสินค้า
เครื่องมือดรอปชิปเพิ่มเติมจาก Shopify
การดรอปชิปปิ้งบน Shopify ไม่ได้จบแค่การใช้แอปซัพพลายเออร์และเครื่องมือสร้างร้านค้า ใช้เครื่องมือทางการตลาด, การสนับสนุน, และข้อมูลของ Shopify เพื่อขยายธุรกิจดรอปชิปปิ้งของคุณและรักษาความสามารถในการแข่งขัน
ใช้ข้อมูลลูกค้าให้เป็นประโยชน์
การเข้าใจลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจที่มีข้อมูลและการสร้างเสียงแบรนด์ที่สามารถเชื่อมโยงกับลูกค้าได้ Shopify Analytics ให้ข้อมูลเชิงลึกผ่านรายงานกว่า 60 รายการที่ละเอียดเกี่ยวกับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์, ยอดขาย, และแคมเปญการตลาด
ใช้รายงานเหล่านี้เพื่อทำความเข้าใจสินค้ายอดนิยมและเนื้อหาการตลาดที่ดึงดูดลูกค้ามาที่ร้านของคุณ (และโน้มน้าวให้พวกเขาคลิก "เพิ่มในตะกร้า")
พัฒนาความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายของคุณด้วยการใช้รายงานของ Shopify เพื่อหาคำตอบของข้อสงสัยเหล่านี้
- คอนเทนต์การตลาดประเภทใดที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของฉัน?
- สินค้าไหนที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ?
- ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มาจากที่ไหนและเข้าถึงจากมือถือ หรือคอมพิวเตอร์?
- ลูกค้าชอบฟีเจอร์ไหนของสินค้ามากที่สุด?
- แบรนด์ไหนที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบ?
เพิ่มประสิทธิภาพการสนับสนุนลูกค้า
แม้ว่าดรอปชิปปิ้งบน Shopify จะไม่ต้องดูแลสินค้าคงคลัง แต่ผู้ขายยังเป็นจุดติดต่อหลักสำหรับการสนับสนุนลูกค้า การจัดการลูกค้าไม่ดีโดยเฉพาะลูกค้าที่มีข้อร้องเรียน อาจทำให้เกิดการรีวิวในเชิงลบและอัตราการคืนสินค้าสูง
ปัญหาซ้ำ ๆ เกี่ยวกับสินค้าและการจัดส่งอาจบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการหาผู้จัดหาสินค้าใหม่ แต่ควรวางแผนรับมือกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น โดยมีกระบวนการตอบสนองที่ประกอบด้วย
- การรับผิดชอบปัญหา: ขอโทษลูกค้าและอธิบายวิธีการแก้ไข
- การชดเชยลูกค้า: เสนอเงินคืน การแลกเปลี่ยน หรือการอัพเกรดสินค้า
- การติดต่อผู้จัดหา: ผู้จัดหาที่ดีควรรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากความผิดพลาด
เพิ่มประสิทธิภาพการสนับสนุนลูกค้าโดยการใช้ Shopify Inbox เพื่อสร้างฟีเจอร์แชท เริ่มต้นการสนทนาด้วยคำทักทายอัตโนมัติ แจ้งให้ลูกค้าทราบเมื่อคุณพร้อมให้บริการ และติดตามปัญหาง่าย ๆ ผ่านอีเมล
พิจารณาเพิ่มรีวิวลูกค้าในหน้าโปรดักส์ของคุณด้วยแอปพลิเคชันที่แสดงหลักฐานทางสังคม สร้างความเชื่อมั่นโดยให้ลูกค้าเห็นรีวิวสินค้าจากผู้จัดหาภายนอกและสามารถแสดงความคิดเห็นได้
เข้าถึงลูกค้าผ่านหลายช่องทาง
ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง กลยุทธ์การตลาดช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าก่อนคู่แข่งได้
ใช้ช่องทางการตลาดหลายๆ รูปแบบ เช่น โซเชียลมีเดียและอีเมล เพื่อโปรโมตร้านของคุณและดึงดูดการเข้าชม
อีเมล
เมื่อมีคนสมัครรับจดหมายข่าวทางอีเมล แสดงว่าพวกเขามีความสนใจในสินค้าของคุณ ใช้ Shopify Email ในการดูแลลูกค้าเหล่านั้นด้วยเนื้อหาที่ปรับแต่งเฉพาะ
เลือกจากเทมเพลตต่าง ๆ ดึงข้อมูลแบรนด์และสินค้าจากร้านของคุณ และตั้งค่าอีเมลให้อัตโนมัติส่งในช่วงเวลาที่เหมาะสม
การตลาดทางอีเมลช่วยเปิดช่องทางการสนทนากับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จัดการอีเมลของคุณภายใน Shopify เพื่อติดตามตัวชี้วัดที่มีประโยชน์และปรับแต่งข้อความถัดไป
โซเชียลมีเดีย
การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นวิธีที่ดีในการขยายธุรกิจ โฆษณาโซเชียลมีเดียแบบชำระเงินสามารถปรับงบประมาณได้เพื่อให้ค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไป ผู้ชมสามารถแบ่งกลุ่มตามความสนใจ พฤติกรรมออนไลน์ และบัญชีที่ติดตาม เพื่อให้คุณสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าของคุณ
แม้ว่าคุณจะไม่มีงบโฆษณา Shopify ก็ทำให้การขายบนโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องง่าย ติดตั้งแอป Facebook และ Instagram เพื่อซิงค์สินค้าคงคลังและสร้างโพสต์ที่สามารถซื้อได้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าตรงจากโพสต์
เริ่มต้นดรอปชิปบน Shopify วันนี้
เริ่มต้นได้ง่ายและเร็ว ด้วยการสร้างร้าน Shopify และเชื่อมต่อแอปดรอปชิปปิ้งเพื่อหาผู้จัดหา ปรับแต่งสินค้า และเสริมการแสดงผลของสินค้าบนหน้าเว็บ
เมื่อธุรกิจดรอปชิปปิ้งของคุณเติบโต ใช้เครื่องมือการตลาดและข้อมูลลูกค้าของ Shopify เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าและครองตลาดของคุณ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ขามือใหม่หรือร้านค้าระดับโลก Shopify ก็เหมาะสำหรับทุกคน ดูแผนและราคาได้ที่นี่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดรอปชิปบน Shopify
Shopify เหมาะสำหรับการดรอปชิปหรือไม่?
Shopify เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมสำหรับการดรอปชิปปิ้ง แอปดรอปชิปปิ้งที่ออกแบบมาสำหรับ Shopify จะเชื่อมต่อร้านของคุณกับผู้จัดหาดรอปชิปปิ้งเพื่อให้นำเข้าสินค้าและทำให้กระบวนการเติมคำสั่งซื้อเป็นอัตโนมัติ
การดรอปชิปบน Shopify มีกำไรแค่ไหน?
การดรอปชิปปิ้งบน Shopify สามารถทำกำไรได้ ทั้งสำหรับบุคคลและธุรกิจ เนื่องจากสินค้าจะถูกซื้อหลังจากที่ขายให้กับลูกค้าแล้ว ความเสี่ยงจากการมีสินค้าคงคลังมากเกินไปหรือสินค้าค้างสต็อกจึงต่ำ ค่าใช้จ่ายทั่วไปจะรวมถึงค่าบริการ Shopify ชื่อโดเมน และการตลาด โดยสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพื่อเพิ่มกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หาซัพพลายเออร์ดรอปชิปบน Shopify ได้ที่ไหน?
คุณสามารถค้นหาผู้จัดหาดรอปชิปปิ้งได้จาก Shopify App Store เชื่อมต่อแอปผู้จัดหากับร้านของคุณเพื่อให้นำเข้าสินค้าและส่งต่อรายละเอียดคำสั่งซื้อสำหรับการจัดส่ง
ทำดรอปชิปบน Shopify โดยไม่ต้องมีสินค้าในสต๊อกได้หรือไม่?
คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ หรือเก็บสินค้าคงคลังหากทำดรอปชิปปิ้งบน Shopify เนื่องจากพาร์ทเนอร์ดรอปชิปปิ้งจากบุคคลที่สามจะจัดการสินค้า หรือออเดอร์ให้กับคุณและส่งสินค้าตรงไปยังลูกค้า