การออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ดึงดูดและไม่ซ้ำใครถือเป็นปัจจัยสำคัญในกลยุทธ์การขายและการตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ
จากการศึกษาพบว่า ผู้เข้าชมใช้เวลาเพียง 50 มิลลิวินาทีในการตัดสินใจว่าจะอยู่บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือไม่ คุณมีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการสร้างความประทับใจแรกเริ่ม นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการออกแบบเว็บไซต์จึงสำคัญต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ไม่ว่าคุณกำลังจะเริ่มสร้างร้านค้าออนไลน์ครั้งแรกหรือกำลังพิจารณาปรับปรุงเว็บไซต์ที่มีอยู่ คู่มือนี้เหมาะสำหรับคุณ! สำรวจตัวอย่างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ยอดเยี่ยม เคล็ดลับในการเลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสม และคำแนะนำเพื่อให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณดูโดดเด่นที่สุด
4 องค์ประกอบสำคัญของการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสุดเจ๋ง
- ทำให้ลูกค้าเชื่อถือและไว้วางใจ
- มอบประสบการณ์ที่น่าสนใจ
- ปรับให้รองรับการใช้งานทุกอุปกรณ์
- จัดระบบนำทางในเว็บไซต์ให้ชัดเจน
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุดล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าชมไปจนถึงหลังการสั่งซื้อ มี 4 องค์ประกอบหลักที่ทุกธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรคำนึงถึงเมื่อต้องออกแบบเว็บไซต์ต์
1. ทำให้ลูกค้าเชื่อถือและไว้วางใจ
เมื่อมีคนเข้าชมร้านค้าออนไลน์หรือเว็บไซต์ของคุณเป็นครั้งแรก พวกเขาอาจยังไม่รู้จักแบรนด์ของคุณ คุณภาพของสินค้า หรือความมุ่งมั่นในการดูแลลูกค้า ข้อเสนอพิเศษอาจดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ แต่ความไว้วางใจคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจซื้อ
ความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณยังไม่มีฐานลูกค้าใด ๆ ดังนั้นคุณควรใส่ ตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือ เหล่านี้ลงไปในตั้งแต่ช่วงเริ่มสร้างเว็บไซต์
ข้อมูลการติดต่อ
ระบุอีเมล และหากเป็นไปได้ ให้ระบุเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่สำหรับส่งจดหมายไว้ในหน้าติดต่อเรา รวมถึงในส่วนท้าย (footer) ของเว็บไซต์ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าพวกเขากำลังซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีตัวตนจริง นอกจากนี้ การเพิ่มหน้าเกี่ยวกับเรา ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยสร้างความไว้วางใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นโยบายการคืนสินค้า
นโยบายการคืนสินค้าไม่ได้แค่ช่วยให้ผู้ซื้อส่งคืนสินค้าที่ไม่พึงพอใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มยอดขายโดยลดปัญหาการละทิ้งตะกร้าสินค้า และสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าพวกเขาสามารถส่งคืนสินค้าได้หากจำเป็น โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำรายการ
Supergoop ไม่เพียงแต่มีหน้ารายละเอียดเกี่ยวกับการคืนสินค้าที่ครอบคลุมและพอร์ทัลสำหรับจัดการคืนสินค้าด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงนโยบายการคืนสินค้าฟรีในทุกหน้าสินค้าอีกด้วย
การรับรองทางเทคนิค
การเพิ่ม Shopify Payments ลงในการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ของคุณจะช่วยให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงและบริการชำระเงินที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล่าสุด เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า คุณสามารถเพิ่มกราฟิกหรือสัญลักษณ์รับรองความปลอดภัยเพื่อแสดงถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงวิธีการชำระเงินที่คุณรองรับ
รีวิวและคำรับรองจากลูกค้า
โซลูชันอีคอมเมิร์ซหลายแห่งมีการผสานแอปที่ช่วยให้คุณนำเนื้อหาต่างๆ เข้ามาในเว็บไซต์ได้ เช่น รูปลูกค้า ฟีด Instagram ของคุณ และรีวิวจากลูกค้า สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าศักยภาพว่าแบรนด์ของคุณน่าเชื่อถือ
2. มอบประสบการณ์ที่น่าสนใจ
การรับรู้คือทุกสิ่งในการขายสินค้าออนไลน์ ผู้คนใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการสร้างความประทับใจแรกต่อร้านค้าอีคอมเมิร์ซของคุณ การทำให้ความประทับใจนั้นมีความหมายขึ้นอยู่กับภาพที่มีคุณภาพสูง การออกแบบแบรนด์ที่สอดคล้องกัน การใช้หลักจิตวิทยาในการออกแบบอย่างชาญฉลาด และการจัดลำดับความสำคัญขององค์ประกอบที่ชัดเจน
นี่คือลักษณะสำคัญที่ควรปฏิบัติในแต่ละองค์ประกอบ
-
การถ่ายภาพ
การถ่ายภาพสินค้าเปรียบเสมือนตัวแทนที่ส่งมอบคำสัญญาของสินค้าคุณผ่านโลกออนไลน์ ควรถ่ายภาพสินค้าบนพื้นหลังเรียบง่ายและหลากหลายมุมมอง ภาพถ่ายแนวไลฟ์สไตล์ก็มีความสำคัญเพราะแสดงให้เห็นการใช้งานสินค้าในบริบทต่างๆ และช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์
-
สีสัน
สีเป็นเครื่องมือทรงพลังในการสร้างความสนใจและกระตุ้นอารมณ์บน การออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ของคุณ นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดความสนใจไปยังส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์และนำพาลูกค้าไปในเส้นทางที่คุณออกแบบไว้ การใช้สีอย่างชาญฉลาดยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้งานอีกด้วย
-
แบบอักษร
แม้คำที่คุณเขียนจะให้ข้อมูล แต่แบบอักษรที่เลือกใช้คือสิ่งที่สื่ออารมณ์และความรู้สึกเบื้องหลังข้อมูลนั้น การเลือกแบบอักษร 2 แบบและสร้างลำดับความสำคัญระหว่างกันเป็นแนวทางที่ดี โดยใช้แบบอักษรหนึ่งสำหรับหัวข้อหรือชื่อเรื่อง และอีกแบบสำหรับข้อความเนื้อหา
-
การออกแบบเชิงจิตวิทยาและลำดับภาพ
การใช้หลักการออกแบบเชิงจิตวิทยาช่วยให้คุณสามารถโน้มน้าวการตัดสินใจของลูกค้า และดึงดูดสายตาไปยังจุดที่สำคัญด้วยองค์ประกอบ สี และข้อความที่จัดวางอย่างมีกลยุทธ์
Outdoor Voices มีหน้าแรกที่ใช้ภาพไลฟ์สไตล์ เพื่อสื่อสารเอกลักษณ์ของแบรนด์และวิถีชีวิตที่น่าหมายปอง มันมุ่งเน้นไปที่ฟอนต์ที่จำกัดเพื่อให้ดูสะอาดและมีลำดับภาพที่ชัดเจน
3. ปรับให้รองรับการใช้งานทุกอุปกรณ์
ชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง 37 นาทีต่อวันบนโทรศัพท์มือถือ โชคดีที่หากคุณสร้างธุรกิจด้วย Shopify ร้านค้าของคุณจะมีการออกแบบที่รองรับทุกอุปกรณ์อยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์จะใช้งานง่ายบนอุปกรณ์และหน้าจอทุกขนาด ไม่ว่าลูกค้าจะเข้าชมผ่านเดสก์ท็อป สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
เมื่อเลือกการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือ ควรทดสอบด้วยตัวเองว่าใช้งานได้ราบรื่นหรือไม่ หากคุณไม่พึงพอใจกับกระบวนการทำรายการ มีโอกาสสูงที่ลูกค้าของคุณจะรู้สึกเช่นเดียวกัน
4. จัดระบบนำทางในเว็บไซต์ให้ชัดเจน
การนำทางเว็บไซต์ที่ดีช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าของคุณได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุง SEO บนเว็บไซต์ของคุณ ทำให้มีโอกาสปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น
ควรใช้หัวข้อเมนูเพียงไม่กี่หัวข้อในส่วนการนำทางระดับบนสุด และตั้งชื่อหัวข้อเหล่านั้นให้ชัดเจนและตรงไปตรงมา นี่ไม่ใช่เวลาที่จะสร้างความซับซ้อน ตัวอย่างหัวข้อสำคัญที่ควรรวมไว้ในเมนูหลัก ได้แก่:
- ร้านค้า (Shop)
- เกี่ยวกับเรา (About Us)
- สินค้าขายดี (Bestsellers)
- ติดต่อเรา (Contact Us)
ลิงก์นำทางเพิ่มเติมสามารถใส่ไว้ในส่วนท้ายเว็บไซต์ (Footer) ซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของหน้า ตัวอย่างเช่น หน้านโยบายการคืนสินค้า (Return Policy) เงื่อนไขการให้บริการ (Terms of Service) และหน้าติดต่อเรา (Contact Us)
ดาวน์โหลดฟรี เช็คลิสต์ SEO
ต้องการติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา? เข้าถึงเช็คลิสต์ฟรีของเราเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา
กดรับเช็คลิสต์ฟรี
25 ตัวอย่างการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (พร้อมเหตุผลว่าทำไมดีไซน์เหล่านี้ถึงเวิร์ก!)
- Thesus
- Welly
- Fred Jourdain
- MVMT
- Pure Cycles
- Verve Coffee Roasters
- Finn
- Hardgraft
- Topo Designs
- KETNIPZ
- Chubbies
- KITH
- Personal Fav
- Satya Organic
- Beardbrand
- Kylie Cosmetics
- Allbirds
- Tiny Organics
- Tessemae’s
- Death Wish Coffee
- Almond Surfboards
- Leather Head
- Pura Vida Bracelets
- Boba Love
- Partake Foods
1. Thesus
Thesus (ชื่อเดิม Alice + Whittles) โดดเด่นในด้านการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ง่ายดายและสะดวกสบายที่สุด เว็บไซต์เน้นย้ำถึงนโยบายการจัดส่งสินค้าและการคืนสินค้า พร้อมทั้งตัวเลือกในการแบ่งจ่ายสำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกชำระเงินทั้งหมดในคราวเดียว
บริการลูกค้าที่โดดเด่นถูกนำเสนอไว้บนหน้าแรก ไม่ว่าจะเป็นตารางเทียบขนาดรองเท้าที่ใช้งานง่ายหรือลิงก์สำหรับการคืนสินค้า ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอนการซื้อสินค้า
2. Welly
Welly สร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเองในฐานะแบรนด์ชุดปฐมพยาบาลที่เน้นความสนุก ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่น่ารักและสะดวกสบาย รวมถึงดีไซน์พลาสเตอร์ที่เหมาะสำหรับเด็ก ความสวยงามและสไตล์ของแบรนด์นี้ถูกถ่ายทอดผ่านเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยสีสัน พร้อมข้อความดึงดูดใจและปุ่มคำกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA) ที่ชัดเจนอย่าง "Shop Now"
หน้าแรกของเว็บไซต์มีความโดดเด่นและมีพลังโดยไม่ทำให้รู้สึกรกสายตา ผสมผสานความสนุกสนานและฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว
3. Fred Jourdain
ศิลปินที่ต้องการขายงานศิลปะออนไลน์ควรดูตัวอย่างจาก Fred Jourdain ที่เน้นให้ผลงานศิลปะเป็นจุดเด่นของเว็บไซต์ หน้าแรกถูกออกแบบให้แสดงผลงานศิลปะเต็มพื้นที่ สื่อให้ผลงานเล่าเรื่องด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังมีส่วนสัมภาษณ์ที่ช่วยให้ผู้ชมได้รู้จักมุมมองและกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินมากขึ้น เนื้อหาเหล่านี้ให้คุณค่าแก่ผู้เข้าชม พร้อมทั้งกระตุ้นให้พวกเขาสนใจเลือกซื้อผลงานของศิลปินอย่างแนบเนียน
4. MVMT
คุณค่าหลักของแบรนด์ MVMT คือ “การมีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง” ซึ่งสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนใน การออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซถูกออกแบบให้ดูทันสมัยและหรูหรา ด้วยโทนสีและสไตล์ที่เน้นแสดงนาฬิกา แว่นตา และเครื่องประดับในราคาที่เอื้อมถึง
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอความร่วมมือกับดีไซเนอร์และส่วน Trending Now บนหน้าแรก เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถอัปเดตดีไซน์ล่าสุดได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
5. Pure Cycles
Pure Cycles ใช้การออกแบบเว็บไซต์ที่เรียบง่ายแต่ได้ผลชัดเจน ช่วยให้คุณเข้าใจทันทีว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงน่าสนใจ พร้อมกับการนำเสนอจักรยานรุ่นขายดีอย่างโดดเด่น
ในหน้าสินค้า คุณจะได้รับประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการเลือกซื้อในร้านจริง ด้วยภาพถ่ายระยะใกล้ของชิ้นส่วนต่าง ๆ รายละเอียดสเปกสินค้า และข้อมูลที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อได้อย่างมั่นใจและมีข้อมูลครบถ้วน
6. Verve Coffee Roasters
Verve Coffee Roasters Verve Coffee Roasters ใช้รีวิวจากลูกค้าเป็นเครื่องมือสร้างความน่าเชื่อถือบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ช่วยให้ผู้เข้าชมมั่นใจในคุณภาพของสินค้า
นอกจากนี้ ร้านกาแฟออนไลน์แห่งนี้ยังดึงดูดความสนใจด้วยภาษาที่ชวนให้นึกภาพ ร่วมกับภาพถ่ายสไตล์คลาสสิก เพิ่มเสน่ห์ให้กับเว็บไซต์ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมคำอธิบายที่มีชีวิตชีวา เช่น “ความหวานของแยมผิวส้มสีทอง” และคำมั่นที่ว่า “คลาสสิกและอร่อย” ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าชมอยู่ในเว็บไซต์ได้นานยิ่งขึ้น
7. Finn
Finn Finn มอบสิ่งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องการ ด้วยภาพถ่ายขนาดใหญ่ของสุนัขที่ดูมีความสุข ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เจ้าของดูแลและปรนนิบัติสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้ดีที่สุด
เว็บไซต์ของแบรนด์ออกแบบด้วยฟอนต์ที่เรียบง่าย การใช้สีที่มีคอนทราสต์สูง และลำดับการจัดวางหน้าเพจที่ชัดเจน ซึ่งนำสายตาผู้เข้าชมไปยังปุ่ม Shop Now หรือ Take Quiz ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีแบบทดสอบเชิงโต้ตอบที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้า
8. Hardgraft
Hardgraft Hardgraft สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ที่มองหาสินค้าหรูหรา ด้วยการออกแบบที่เน้นความดิบและความเป็นธรรมชาติอย่างมีเอกลักษณ์ แสดงพันธกิจและค่านิยมของแบรนด์ไว้อย่างชัดเจนบนเว็บไซต์ ช่วยให้ผู้เข้าชมเข้าใจแบรนด์ได้ทันที
หน้าสินค้าของ Hardgraft ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยภาพที่คมชัดและโดดเด่น เน้นคุณสมบัติสำคัญของสินค้าและจุดขายที่สร้างความแตกต่าง นอกจากนี้ยังมีการจัดส่งสินค้าทั่วโลกที่ปลอดภัย รองรับลูกค้าจากหลากหลายประเทศ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในระดับสากล
9. Topo Designs
Topo Designs ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายอย่างคนรุ่นใหม่ที่รักการผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้ง ด้วยภาพถ่ายที่สื่อถึงสไตล์สนุกและทันสมัย พร้อมกับพื้นหลังที่ไม่ซ้ำใคร ช่วยให้แบรนด์แตกต่างจากแบรนด์เอ้าท์ดอร์อื่น ๆ
เว็บไซต์ยังนำเสนอโปรโมชั่นอย่างน่าสนใจ เช่น การจัดส่งฟรีเมื่อมียอดสั่งซื้อถึงเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า รวมถึงสิทธิพิเศษสำหรับผู้สมัครรับข่าวสาร เช่น ส่วนลด 15% ซึ่งช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
10. KETNIPZ
Ketnipz Ketnipz เริ่มต้นจากการ์ตูนใน Instagram ที่สร้างโดย Harry Hambley และเติบโตจนกลายเป็นแบรนด์ดังระดับโลก ตัวละครหลักอย่าง Bean ได้ปรากฏอยู่บนกำแพงทั่วโลก สื่อสังคมออนไลน์ และแม้แต่เป็นรอยสักบนร่างกายของแฟน ๆ
การออกแบบเว็บไซต์ของ Ketnipz สะท้อนบุคลิกที่สนุกสนานของ Bean ด้วยสีสันสดใส ฟอนต์ที่มีเอกลักษณ์ และการอัปเดตตามฤดูกาลเพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดตัวสินค้าในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ทำให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ติดตามได้อย่างลงตัว
11. Chubbies
เว็บไซต์ของ Chubbies ถ่ายทอดคุณค่าของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนผ่านภาพสินค้าที่ดึงดูดใจและข้อความที่มีไหวพริบ ช่วยสร้างเอกลักษณ์และความสนุกสนานในแบบของตัวเอง
ถึงแม้การใช้งานเมนูแบบแถบด้านข้าง (Sidebar Navigation) จะต่างจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ แต่ Chubbies ทำได้อย่างเรียบง่ายและเป็นระเบียบ ทำให้ลูกค้าค้นหาสินค้าที่ต้องการได้เร็วและสะดวกมากขึ้น
12. KITH
KITH หน้าแรกของ KITH ดึงดูดความสนใจตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าสู่เว็บไซต์ ด้วยดีไซน์ที่ดูสะอาดตาแต่ยังน่าค้นหา เว็บไซต์รวมลิงก์ไปยังเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น Lookbooks, ภาพยนตร์, บทความ และอื่น ๆ แม้แคตตาล็อกสินค้าจะมีขนาดใหญ่ แต่การจัดหมวดหมู่สินค้าอย่างเป็นระเบียบช่วยให้ผู้ชมค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
13. Personal Fav
Personal Fav Personal Fav ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยการใช้โทนสีและฟอนต์ที่อินเทรนด์ พร้อมภาพที่กระตุ้นอารมณ์ แม้ดีไซน์ของเว็บไซต์จะโดดเด่นและเต็มไปด้วยสีสัน แต่ยังคงความเป็นระเบียบไม่ให้ดูรก ส่วนการนำทางในระดับบนสุดถูกออกแบบให้ชัดเจน ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับพันธกิจของแบรนด์และหน้าสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
14. Satya Organic
Satya Organic ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ในทุกส่วนของการออกแบบเว็บไซต์ เมื่อเข้าสู่หน้าแรก คุณจะพบกับโทนสีธรรมชาติที่สื่อถึงสินค้าจากพืชอย่างชัดเจน ส่วนท้ายเว็บไซต์ (Footer) นำเสนอสัญลักษณ์รับรองคุณภาพ เช่น USDA Organic, ปราศจากการทดลองกับสัตว์, ปราศจากน้ำหอม และการเป็นเจ้าของโดยคนท้องถิ่น ช่วยย้ำถึงคุณสมบัติและความน่าเชื่อถือของสินค้า
15. Beardbrand
Beardbrand ใช้แนวทางที่มีความซับซ้อน เต็มไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่ และมีกลิ่นอายแบบ Old World ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์กรูมมิ่ง ผ่านการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่โดดเด่น
เว็บไซต์มอบประสบการณ์ที่น่าสนใจด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น แบบทดสอบ วิดีโอจากผู้ก่อตั้ง และบทความบล็อกที่เต็มไปด้วยข้อมูลน่าอ่าน สิ่งเหล่านี้ช่วยดึงดูดผู้เข้าชมให้ใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น มีส่วนร่วมกับแบรนด์ และตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างมั่นใจ
16. Kylie Cosmetics
หน้าแรกของเว็บไซต์ Kylie Cosmetics สร้างความประทับใจทันทีด้วยภาพของ Kylie Jenner ซึ่งเป็นไอคอนด้านความงามในกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ การสนับสนุนของเธอช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์อย่างมาก ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นถูกจัดวางอย่างสวยงามบนพื้นหลังสีขาว และเมื่อคุณเลื่อนเมาส์ไปบนภาพ จะเห็นตัวอย่างการใช้งานผลิตภัณฑ์จริงที่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อ
17. Allbirds
ร้านเสื้อผ้าแนวรักษ์โลกอย่าง Allbirds เน้นความน่าเชื่อถือผ่านข้อความที่สื่อถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น “ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ” การรับรองมาตรฐาน B Corporation และหน้าข้อมูลที่อุทิศให้กับความยั่งยืนและความโปร่งใสยิ่งเสริมภาพลักษณ์ที่น่าไว้วางใจ ภาพไลฟ์สไตล์ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ยังแสดงโมเดลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่า “นี่คือเสื้อผ้าที่เหมาะกับฉัน”
18. Tiny Organics
การออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ของ Tiny Organics ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความกังวลของพ่อแม่ ด้วยภาพถ่ายคุณภาพสูงที่แสดงส่วนผสมในแต่ละมื้อ คำรับรองจากพ่อแม่จริง ๆ และการสนับสนุนจากแพทย์และนักโภชนาการ เว็บไซต์นี้ช่วยตอบคำถามที่พ่อแม่ส่วนใหญ่อยากรู้และลดอุปสรรคในการตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ การรับรองมาตรฐานและการกล่าวถึงจากสื่อยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ
19. Tessemae’s
Tessemae’s ใช้ภาพจากแฟน ๆ บนเว็บไซต์ คอนเทนต์จากผู้ใช้จริงเพื่อสร้างความไว้วางใจ บอกกับผู้เข้าชมว่าสินค้าของ Tessemae’s ได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังให้ไอเดียการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างน้ำสลัดและเครื่องปรุงรสในมื้ออาหารที่น่ารับประทาน เพิ่มแรงจูงใจในการตัดสินใจซื้อ
20. Death Wish Coffee
Death Wish Coffee มีแบรนด์ที่โดดเด่นและกล้าที่จะแสดงออกผ่านเว็บไซต์ การออกแบบและข้อความในเว็บไซต์ตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า “กาแฟที่แรงที่สุดในโลก” สีแดงที่ใช้ในเว็บไซต์สร้างความรู้สึกเหมือนคุณเพิ่งดื่มกาแฟเข้ม ๆ ไปหนึ่งแก้ว Death Wish Coffee เข้าใจว่าผู้เยี่ยมชมส่วนใหญ่เข้ามาเพื่อซื้อกาแฟ ดังนั้น เมื่อเลื่อนลงหน้าแรก คุณจะพบตัวเลือกทันทีสำหรับการซื้อเมล็ดกาแฟแบบบด แบบทั้งเมล็ด หรือแบบแคปซูล
21. Almond Surfboards
Almond Surfboards ใช้โทนสีอ่อนที่ดูหรูหราและผ่อนคลายทั่วทั้งเว็บไซต์ สื่อถึงสไตล์ที่มีเอกลักษณ์พร้อมความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับบรรยากาศชายหาด ภาพถ่ายที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์ช่วยเสริมให้แบรนด์ดูมีคุณภาพตั้งแต่แรกเห็น การถ่ายภาพที่แสดงการใช้งานจริงช่วยสื่อถึงไลฟ์สไตล์ที่หลายคนใฝ่ฝัน แม้คุณจะไม่ได้ต้องการซื้อกระดานโต้คลื่น คุณอาจยังอยากได้สินค้าของแบรนด์ เช่น เสื้อยืด เครื่องประดับ หรืองานศิลปะมาตกแต่งบ้าน
22. Leather Head
หน้าแรกของเว็บ Leather Head ถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่สะท้อนถึงความประณีตและความหรูหราได้อย่างลงตัว การเลือกใช้สี ฟอนต์ ภาพสินค้า และน้ำเสียงข้อความ สื่อถึงความเป็นแบรนด์ที่ตรงใจลูกค้าเป้าหมาย แม้ว่าคุณอาจไม่ได้เป็นแฟนกีฬา แต่คุณอาจรู้สึกอยากเลือกซื้อสินค้าเพื่อมอบให้เพื่อนหรือคนที่คุณรัก
23. Pura Vida Bracelets
Pura Vida Bracelets เน้นสร้างความไว้วางใจด้วยการแสดงรีวิวสินค้า 5 ดาวจากลูกค้าหลายพันคนบนหน้าแรกของเว็บไซต์ รวมถึงการรีวิวจากสื่อที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น BuzzFeed และ HuffPost แบรนด์ยังใช้ปุ่ม CTA ง่าย ๆ แต่ทรงพลังอย่าง Shop Now เพื่อกระตุ้นให้คลิก ตลอดจนแถบแจ้งโปรโมชั่นด้านบน เช่น การจัดส่งฟรี
24. Boba Love
Boba Love เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเพื่อนำผู้เข้าชมเข้าสู่ประสบการณ์ช้อปปิ้งโดยตรง ด้วยภาพถ่ายไลฟ์สไตล์และภาพสินค้า ที่สะท้อนคุณค่าของแบรนด์ Grid สินค้าของ Boba Love ได้รับการออกแบบอย่างสะอาดตาและชัดเจน โดยมุ่งให้ผู้เข้าชมทำสิ่งที่แบรนด์ต้องการ นั่นคือการซื้อสินค้าที่มีแรงบันดาลใจจากชาไข่มุก
25. Partake Foods
หากคุณชื่นชอบคุกกี้เพื่อสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อม คุณจะหลงรักการออกแบบเว็บไซต์ของ Partake ทันทีที่เข้าสู่หน้าแรก คุณจะพบข้อความที่สร้างความมั่นใจ เช่น “ปราศจากกลูเตน” “วีแกน” และ “เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้อาหาร” ความน่าเชื่อถือยังได้รับการเสริมด้วยการกล่าวถึงในสื่อและรีวิวลูกค้าที่ชื่นชมสินค้าอย่างมาก ส่วนท้ายเว็บไซต์ (Footer) ยังช่วยย้ำความไว้วางใจด้วยการรับรองที่เกี่ยวข้องกับอาการแพ้อาหาร
8 เคล็ดลับที่ดีที่สุดในการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
แม้ว่าคุณจะต้องออกแบบร้านค้าออนไลน์โดยอิงตามแนวทางแบรนด์ที่กำหนดไว้ แต่ยังมีแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดบางประการที่ช่วยปรับปรุงการใช้งานและประสบการณ์ของลูกค้า เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเปรียบเสมือนเรซูเม่สำหรับธุรกิจออนไลน์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจหรือกำลังสร้างร้านค้าออนไลน์แห่งที่ห้า เคล็ดลับเหล่านี้ควรอยู่ในใจเสมอ
1. รักษาความเรียบง่าย
ความเรียบง่ายคือหัวใจสำคัญของการเพิ่มยอดขายในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยิ่งคุณเพิ่มสิ่งรบกวน เช่น โฆษณาแบนเนอร์ ป๊อปอัพ หรือสีที่หลากหลายเกินไปในการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซก็ยิ่งลดโอกาสการปิดการขาย เลือกใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีเทมเพลตเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลากหลาย เพื่อช่วยให้การออกแบบของคุณดูเป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพ
2. แสดงตัวตนของแบรนด์
ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพ ช่างเสริมสวย หรือผู้ประกอบการดรอปชิป ผู้คนต้องการซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและสามารถเชื่อมโยงได้ ใช้เวลาในการกำหนดตัวตนของแบรนด์และหาจุดเด่นที่ทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง แล้วนำสิ่งนั้นมาใช้ในการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ
3. เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
เลือกใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุดสำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณ อย่างเช่น Shopify ที่ช่วยให้คุณสร้างร้านค้าที่สวยงามพร้อมฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่ทรงพลัง และเริ่มขายออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มที่ดีควรมีความยืดหยุ่น ใช้งานง่าย และช่วยให้คุณปรับแต่งเว็บไซต์ได้ตามความต้องการ คุณสามารถใช้ตัวสร้างร้านค้าออนไลน์ของ Shopify ที่มีฟังก์ชันครบถ้วนในการสร้างร้านค้าได้ตั้งแต่เริ่มต้น
4. คิดจากมุมมองลูกค้า
ลองนึกภาพตัวเองเป็นลูกค้าที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ เว็บไซต์ใช้งานง่ายแค่ไหน? การช้อปปิ้งให้ความรู้สึกอย่างไร? ขั้นตอนการชำระเงินยุ่งยากหรือไม่? พิจารณาความต้องการของลูกค้าและออกแบบเว็บไซต์เพื่อให้ตอบโจทย์การตัดสินใจซื้อได้ดีที่สุด
5. ใช้รูปที่มีคุณภาพสูง
ภาพถ่ายสามารถเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันลูกค้าได้ถึง 40% แต่ต้องเป็นภาพที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น ลงทุนในการถ่ายภาพสินค้าที่ดี หรือใช้ภาพจากเว็บไซต์แจกภาพฟรี เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในทุกขั้นตอนของประสบการณ์ช้อปปิ้ง
6. สร้างความน่าเชื่อถือด้วยความเป็นมืออาชีพ
อยากเริ่มต้นร้านค้าออนไลน์ที่สร้างความไว้วางใจให้ลูกค้า? คุณต้องมีเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพ ลูกค้าจะไม่ยอมจ่ายเงินหรือให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรเครดิต หากเว็บไซต์ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือ
7. ใช้พลังของรีวิว
เมื่อออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ให้มองหาวิธีแสดงความน่าเชื่อถือ เช่น รีวิวเชิงบวกหรือเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้งาน ยิ่งลูกค้าเห็นประสบการณ์ที่ดีจากผู้ซื้อคนอื่นมากเท่าไร โอกาสที่พวกเขาจะตัดสินใจซื้อสินค้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
8. ใส่ใจขั้นตอนการชำระเงิน
แม้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณจะสวยงามและทันสมัยแค่ไหน แต่ถ้าขั้นตอนการชำระเงินยุ่งยาก ลูกค้าอาจไม่ซื้อสินค้าได้ ทำให้กระบวนการชำระเงินเรียบง่าย ตรงไปตรงมา และรวดเร็ว เลือกใช้เกตเวย์การชำระเงิน เช่น Shop Pay, Amazon Pay, PayPal, Stripe หรือวิธีชำระเงินแบบรวดเร็วอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้สะดวกที่สุด
ออกแบบเว็บไซต์ให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณวันนี้
การออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ที่ดีควรมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้งาน โดยต้องเหมาะสมกับการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ สร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่น่าจดจำ และช่วยนำพาลูกค้าผ่านกระบวนการซื้อขายอย่างชัดเจน พร้อมระบบชำระเงินที่ปลอดภัย การมุ่งเน้นองค์ประกอบสำคัญเหล่านี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณ
เมื่อพูดถึงการสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จ การออกแบบเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดต้องให้ความสำคัญ เพราะผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณสามารถสร้างความคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซต์ได้ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที การสร้างความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญ
ภาพประกอบโดย Rachel Tunstall
ตั้งแต่ผู้ขายรายใหม่ไปจนถึงร้านค้าปลีกระดับโลก Shopify รองรับทุกความต้องการของคุณ ดูแผนและราคาของ Shopify
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสามารถสร้างด้วยตัวเองได้หรือไม่?
แพลตฟอร์มเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและใช้งานง่ายสำหรับร้านค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น โฮสติ้งฟรี โดเมนแบบกำหนดเอง เทมเพลตการออกแบบ และการปรับแต่ง SEO หากคุณไม่มีทักษะด้านการออกแบบหรือเขียนโค้ด แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีเครื่องมือครบครันที่คุณต้องการ
จะปรับปรุงการโครงสร้างเมนูเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้อย่างไร?
โครงสร้างเมนูบนเว็บไซต์ควรเรียบง่ายและชัดเจน เลือกหน้าหลักในเมนูส่วนบน เช่น ร้านค้า เกี่ยวกับเรา สินค้าขายดี ติดต่อเรา สำหรับลิงก์อื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น นโยบายการคืนสินค้า หรือคำถามที่พบบ่อย ให้ใส่ไว้ในส่วนท้ายเว็บไซต์ (Footer)
แพลตฟอร์มไหนดีที่สุดในการดีไซน์เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ?
Shopify เป็นตัวเลือกยอดนิยม เพราะช่วยให้คุณสร้างร้านค้าออนไลน์ที่สวยงามและใช้งานได้ง่าย ด้วยเทมเพลตหลากหลายและเครื่องมือปรับแต่งที่ใช้งานสะดวก Shopify ยังมาพร้อมระบบธุรกรรมที่ทันสมัย ช่วยให้คุณเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว
การออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
การสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจากศูนย์อาจมีค่าใช้จ่ายสูงหากคุณต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเว็บไซต์หรือโปรแกรมเมอร์ แต่คุณสามารถสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างรวดเร็วและด้วยการลงทุนที่ค่อนข้างน้อยเพื่อเริ่มขายออนไลน์ได้ทันที แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายแห่งเสนอการทดลองใช้ฟรีเพื่อให้คุณได้ทดลองออกแบบอีคอมเมิร์ซและใช้เทมเพลตที่ปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ในการสร้างเว็บไซต์ของคุณ หลังจากที่คุณพอใจแล้ว ให้เลือกแผนที่เหมาะกับงบประมาณของธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณ
โปรแกรมที่ดีที่สุดในการออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซคือโปรแกรมไหน?
Shopify เป็นตัวเลือกที่ครบวงจรสำหรับการสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มีเทมเพลตมากกว่า 100 แบบใน Shopify Theme Store ซึ่งปรับแต่งได้ตามสไตล์ของแบรนด์ คุณสามารถเพิ่มชื่อโดเมน โลโก้ สี ฟอนต์ และอีกมากมาย
นอกจากนี้ Shopify ยังมีแอปมากกว่า 3,000 รายการใน Shopify App Store ช่วยในเรื่องการตลาด การขาย และการดูแลลูกค้า พร้อมโฮสติ้งที่ปลอดภัย แดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย และแบนด์วิดท์ไม่จำกัด คุณสามารถเริ่มต้นร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสะดวก และหากต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขธีมใน HTML และ CSS ได้ตามต้องการ